วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การเรียงสินค้าเพื่อการนำเสนอทางออนไลน์

             การที่จะขายของนั้นโดยส่วนหนึ่งนั้นก็ต้องบอกก่อนนะคะว่า สินค้านั้นต้องสวย การจัดเรียงของในร้านนั้นก็เป็นแบบที่ว่าขั้นบันได ซึ่งจะทำให้มองแบบเห็นสินค้านั้น เรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้ชวนมอง ซึ่งถ้าร้านค้าชั้นนำนั้นก็จะวางสินค้าที่ค่อนข้างจะห่างกันเป็นอย่างมาก เพราะว่ามีทุนที่สูง ไม่กลัวเรื่องค่าเช่า และราคาสินค้านั้นแพง โดยมากนั้นมักจะเป็นร้าน กระเป๋าขายส่ง ส่วนร้านค้าที่ขายแบบกันเองนั้นก็มักที่จะจัดร้านแบบคล้ายกัน แต่ว่าเป็นการเรียงที่ถี่และชิดกันมากหน่อย เพราะว่าต้องเสียค่าเช่าที่แพง และพื้นที่จำกัด และค่าเช่าที่นั้น สูงแต่ขายราคาไม่แพงจึงจัดให้ใกล้กันเพื่อที่จะเป็นการประหยัดเนื้อที่ แลมองดูก็จะเป็นระเบียบ และเข้าไปดูได้ครั้งละหลายๆชิ้น ซึ่งก็โดยส่วนมากนั้นก็จะวางแบบที่คล้ายกันก็มักที่จะวางบริเวณใกล้ๆ กัน แต่ถ้าของที่แบบนั้นแตกต่างกันเล็กน้อยก็จะค่อยๆที่จะวางกระจายออกไป เพื่อที่จะให้ลูกค้านั้นดูและเลือกได้ง่ายขึ้น ส่วนมากมักจะจัดแบบร้าน แถว โรงเกลือ ส่วนการจัด กระเป๋าที่จะลงขายทางเว็บไซด์ นั้นก็ควรที่จะหาแบล็กกราว ฉากหลังที่ดูแล้วนวลตา หรือไม่ก็ เป็นที่มีสีออกสบายตาไม่เด่นกว่ากระเป๋าที่จะลงมือถ่ายรูป เช่นกระเป๋าที่มีสีขาว หรือสีครีม และสีที่ออกมาแบบนวลตาก็ให้ใช้ฉากหลังแบบทึบเช่น ผ้าที่มีสีดำ หรือก็น้ำเงิน ส่วนสินค้าที่ทมีสีที่ออกจะเป็นดำ น้ำตาล น้ำเงิน ส้ม เหลือง เขียว ออกเป็นสีสดนั้น ถ้าจะให้สินค้าประเภท กระเป๋า นั้นเด่นชัดมากขึ้นนั้นก็ให้ใช้ฉากหลังเป็นสีขาว และสีครีม ซึงจะขับกระเป๋าของเรานั้นให้ชัเจนมากขึ้น ซึ่งการจัดร้านที่เป็นแบบขั้นบันไดนั้น ก็จะเป็นแบบการประหยีดเนื้อที่และเป็นการได้ โชว์ ของได้อย่างเต็มที่ แต่จะให้มองดูแล้วสะดุดตานั้นก็จะเป็นแบบที่ว่า ให้นำสีที่สดๆ และสีที่มองแล้วสะดุดตานั้น วางไว้จงที่เห็นว่าเป็นจุดที่มอง เห็นได้ง่าย และที่สำคัญก็จะเป็นการที่มีที่นั่งไว้คอยบริการเพราะว่าบางครั้งนั้น คนที่พามาหรือคนที่เดินด้วยนั้นเมื่อยก็สามรถที่จะนั่งพักได้ และก็มีกที่จะมีกระจกเงาไว้คอยที่จะเป็นการส่องเพื่อเปรียบเทียบว่า กระเป๋าใบที่ชอบนั้น เข้ากันกับตัวเจ้าของที่อยากได้หรือเปล่า ส่วนที่เรานั้นจะเชียร์ ให้ลูกค้าที่ว่าจะซื้อแบบไหนนั้น ก็อยู่ที่ว่าสินค้าของเราด้วย แล้วให้สังเกกตุ ดูด้วยว่าลูกค้านั้นมองสินค้าใบไหนเป็นพิเศษ ถ้าไม่มีจึงเสนอ โดยที่สังเกตุว่าบุคลิก ท่าทางของลูกค้านั้นแต่งตัวแบบไหน เปรี้ยว หรือว่าสบายๆ สีที่ใส่นั้นเป็นสีแบบไหน ถ้าเป็นเสื้อผ้า สีสันสดใสนั้น ก็จะออกแบบเป็นที่สนุกสนาน ก็มักจะเป็นกระเป๋าแบบ
ที่มีสีสัน และออกเป็นแนวแฟชั่นที่ทันสมัย ก็ควรที่จะแนะนำลูกค้าไป ซึ่งถ้าลูกค้าเป็นคนที่แต่งกาย สุภาพ เรียบร้อย ก็ควรที่จะแนะนำ กระเป๋า ที่มองดูแล้ว ดูดี ไม่หวือหวา ไม่โดดเด่น แต่จะเป็นแบบเรียบ ซึ่โดยส่วนมากนั้นก็มีอยู่มากแบบเรียบ แต่ถึงกระนั้น กระเป๋าที่ลงขายในเว็บไซด์ นั้น ก็มักที่จะเชียร์ ไม่ได้ เอาใจไม่ได้เพราะว่าเรานั้นไม่เห็นหน้า ไม่เห็นการแต่งตัวของลูกค้า แถมยังไม่ได้พูดคุยกันอีกด้วย คงทำได้เพียงการเขียนลงไปว่าสินค้านี้ เป็นอย่างไรและเป็นสินค้าที่ผลิตหรือทำมาจากอะไร ราคาอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งก็มักจะแนบไปกับรูปภาพ ซึ่งการถ่ายถาพ เพื่อที่จะลงในเว็บไซด์ นั้นก็มีการตบแต่งภาพเป็นอย่างดี ซึ่งก็จะทำให้ กระเป๋า ของเรานั้นดูสวยงามจับตาเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ส่วนมากแล้วนั้นก็จะไม่ตรงกับของจริงสักเท่าไรนัก เพราะว่าการตกแต่งภาพก่อนที่จะลงเว็บ นั้น การที่ถ่ายจากของจริง โดยที่ไม่ต้องแต่งเติม ก็จะเป็นสินค้าที่เวลา ส่งไปให้ลูกค้านั้น จะได้ไม่ต้องโดนการตีกลับ หรือ โดนตำหนิจากลูกค้าของเรา ว่าสินค้านั้น ไม่เหมือนของจริง ซึ่งก็จะเป็นเรื่องที่ไม่น่าประทับใจเลย ปัญหานี้จะไม่เกิดถ้าเรานั้นถ่ายรูปจริง แล้วก็ต้องชี้แจง ให้ลูกค้าให้รับทราบด้วยว่า เป็นภาพจริง ของจริงสวยกว่าในรูป ก็จะเป็นการการันตี ว่าเรานั้น ไม่ได้ตกแต่งรูปให้สวยกว่าใบจริง ก็จะเป็นการที่ลูกค้าที่ซื้อไปนั้นมีความประทับใจที่อยากจะมาซื้อกับเราอีกเพราะว่าเรานั้นพูดเรื่องจริงไม่โกหก เขาคะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น